หากเราจะพูดถึงเกมแนวแฟนตาซีและความสนุกหฤหรรษ์มากมายภายในเกมนั้น เราก็คงจะนึกถึงเกมในลักษณะในแบบก่อนซึ่งจะมีความสนุกสนานแบบนี้เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของเกม RPG ซึ่งถือว่าเป็นเกมชนิดแบบแรกที่ เราจะได้เห็น Undertale กันในยุคก่อน ซึ่งความสนุกดังกล่าวนี้เราจะได้ เห็นกันอยู่อย่างมากมาย เพราะ มันเป็นเกมที่เติมเด็กของวัยเด็กของใครหลายคนได้อย่างดีเยี่ยม และนั่นจึงทำให้เกมประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคสมัยนั้น
กระทั่งมาถึงปัจจุบันซึ่งเกมประเภทนี้มักจะได้รับความนิยมน้อยลง หลังจากการมาของเกม 3D เพราะไม่สามารถที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนได้ และในส่วนของเกม 3D นั้นมักจะมีเนื้อหาที่มากกว่า ซึ่งก็เป็นไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่สามารบอกได้ว่าเกม RPG จะถูกลดทอนความสำคัญไปอีกด้วย เพราะในลักษณะส่วนใหญ่ของเกม RPG มักจะเป็นเกมแนวแฟนตาซีที่อาจจะตอบโจทย์ในกลุ่มคนที่กลุ่มเป้าหมายสำหรับเกมนี้จริง ๆ แต่ถ้าหากมันมีเนื้อเรื่องที่สนุกดีและสามารถตอบโจทย์ผู้คนได้ มันก็จะทำให้เกมนั้น ๆ ได้รับความนิยมในระดับสากลเลยนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในเกมแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้นก็คือ Undertale นั่นเอง
โดยเนื้อเรื่องของเกม Undertale นั้นจะเริ่มเล่าจากการที่ตัวละครหนึ่งได้ตื่นขึ้นมาในโลกลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเป้นโลกลึกลับที่อยู่กลางหุบเขา ซึ่งเป้าหมายของตัวละครนี้ก็คือ การหนีออกไปสู่โลกแห่งความจริงที่จากมาให้ได้ในท้ายที่สุด ซึ่งในระหว่างที่เรากำลังจะออกไปยังโลกภายนอกนั้น เราก็จะได้พบกับตัวละครมากมายที่เป็นมอนสเตอร์ภายในเกม ซึ่งในส่วนตรงนี้เราก็คงจะคิดว่าเป็นเป็นเหมือนกับเกม RPG แบบก่อน ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับ Undertale แล้วนั้น มันช่างแตกต่าง เพราะซึ่งในส่วนตรงนี้ เราคงจะคิดว่ามันเหมือนกับเกมอาร์พีจีอื่นๆทั่วไป แต่สำหรับอันเดอร์เทลแล้วมันไม่ใช่ เพราะเกมนี้จะแบ่งตอนจบออกเป็นสองแบบ หลักๆนั่นก็คือแบบ Pacifist และแบบ Genocide ซึ่งสำหรับแบบ Pacifist นั้นก็คือ การที่เรานั้นผูกความสัมพันธ์กับทุกคนละครภายในเกมโดยที่เราจะมอบความเมตตาให้กับเขาหรือปุ่ม Mercy ที่อยู่ข้างล่างโดยที่ไม่กดโจมตีพวกเขาเลย
ขอบคุณภาพจาก Downall
ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะอาจจะโจมตีเรามาอยู่หลายครั้งแต่เมื่อเราพวกเขาพันไปเรื่อยๆพวกเขาก็จะเริ่มใจอ่อน และยอมเป็นเพื่อนกับเรานั่นเองซึ่งในส่วนตอนจบตรงนี้ก็จะทำให้พวกเขาสามารถออกมาสู่โลกภายนอกพร้อมกับพวกเราและใช้ชีวิตร่วมกันได้ แต่ถ้าหาก เลือกตอนจบเกม Undertaleแบบ Genocide นั้นก็จะได้ตอนจบอันแสนหฤโหดอย่างยิ่งเพราะเราจะไม่ใช้ปุ่ม Mercy เลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่เราจะใช้ปุ่ม Attack หรือก็คือปุ่มสำหรับต่อสู้กับพวกเขา ตอบโต้พวกเขาจนกว่าพวกเขาจะสิ้นใจ นั่นจึงทำให้ปุ่มนี้เป็นการเลือกตอนจบที่แสนโหดร้ายอย่างยิ่งและเราก็จะได้พบกับตัวละครที่เลวร้ายที่สุดในตอนท้ายของเกม ซึ่งหากเราเลือกที่จะเล่น Genocide ใส่ก่อนมาเล่น Pacifist นี้เราก็จะได้ตอนจบที่น่ากลัวเหมือนกันเพราะไหนบ้างตัวละครอาจจะจำได้ว่าเราเคยเล่น Genocide ใส่มาก่อน และในตอนจบเราก็อาจจะเห็นอะไรที่เราไม่ควรเห็นอีกก็เป็นได้ ซึ่งนี่คือจุดที่ทำให้ตัวเกมนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก
และอีกหนึ่งในส่วนที่ทำให้เกม Undertale นี้ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบันนั่นก็คือซาวน์ดนตรีที่ปรากฏขึ้นในเกมนั่นเอง ซึ่งในซาวน์ดนตรีที่ปรากฏในเกมนี้นั้นผู้สร้างเคยใช้ในเกมอื่นๆที่ผู้สร้างเคย ใช่มาก่อนอยู่แล้ว โดยเมื่อมาใช้ในเกม Undertale นั้นก็ยิ่งช่วยเสริมความน่าสนใจและความอบอุ่นภายในเกมเกม 3Dอย่างยิ่งเพราะโดยตัวเกมที่เป็นรูปแบบของแฟนตาซี ก็จะทำให้เราได้เห็นความสนุกสนานของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งซาวน์ดนตรีจะเผย เอกลักษณ์ของตัวละครนั้นออกมาอย่างโดยตรงซึ่งมันก็จะ บอกว่าอารมณ์ของตัวละครนั้นเป็นอย่างไรและลักษณะของตัวละครนั้นเป็นอย่างไรได้นั่นเอง อย่างเช่นในซาวน์ดนตรีของ Sans อย่าง Megalovania นั้น ก็เป็นซาวน์ดนตรีที่จะเปิด ในโหมด Genocide เท่านั้นซึ่งจะเป็นซาวน์ดนตรีที่ประกอบตอนที่ Sans กำลังต่อสู้กับตัวเรา หรือจะเป็นซาวด์ดนตรีของ Asgore ที่แสดงออกถึงความดุดันซึ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ของ Asgore ที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมแต่ในขณะเดียวกันก็ เจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเช่นกันหรือแม้แต่ซาวน์ดนตรีของ Torial ถึงเป็นสายดนตรีที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของความเป็นแม่และเป็นผู้พิทักษ์ที่ต้องการ จะปกป้องดินแดนแห่งนี้หรืออาจจะต้องการให้ผู้เล่นออกไปยังโลกภายนอกซึ่งก็เป็นไปแล้วแต่ตอนจบที่ผู้เล่นต้องการจะเลือกนั่นเอง ซึ่งความพิเศษของสารดนตรีดังกล่าวนี้ได้ทำให้ตัวเกม Undertale ได้รับความสนใจอย่างมากและซาวน์ดนตรีนี่เองที่ทำให้ มันถูกใช้อยู่ในหลายๆเกมและในหลายๆวิดีโอสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตีของ Undertale โดยเฉพาะนั่นเอง